ศิลปะการแสดงเปลี่ยนหน้ากากของจีน
โดย.................ชาลี ประจงกิจกุล
เกือบสิบปีที่แล้วผมบังเอิญได้แผ่นดีวีดีจากแผงจำหน่ายข้างถนน เรื่อง The King of Masks เป็นภาพยนตร์จีนที่กวาดรางวัลระดับโลกมากมายหลายรางวัล เป็นเรื่องราวของชายนักแสดงการเปลี่ยนหน้ากาก เขาตระเวนเปิดการแสดงตามท้องถนนแลกเปลี่ยนกับเงินที่ผู้ชมมอบให้ หรือที่เราเรียกกันว่า “วณิพก” ซึ่งต่อมาชีวิตผกผันจำต้องถ่ายทอดวิชาให้กับผู้อื่น แต่ติดตรงที่ไม่มีทายาทสืบสกุล มีแต่ลูกบุญธรรมที่เป็นหญิง ตามธรรมเนียมการสืบทอดวิชาการเปลี่ยนหน้ากากนั้นไม่สามารถถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ ยกเว้นคนในวงศ์ตระกูล และต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น เป็นผู้หญิงไม่ได้โดยเด็ดขาด ธรรมเนียมของชาวจีนถือว่าลูกผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะกลายเป็นคนของตระกูลอื่น ดังนั้นวิชาความรู้ที่ถ่ายทอดให้ก็จะเป็นของตระกูลอื่นไปด้วย แต่สุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ นางเอกของเรื่องก็สามารถแหวกกฎ กลายเป็นขบถหญิง ของตำนาน “เปี่ยนเหลี่ยน”
การแสดงเปลี่ยนหน้ากากจีน หรือ “เปี่ยนเหลี่ยน” กำเนิดในมณฑลเสฉวน ประเทศจีนมานานหลายร้อยปี เป็นศิลปะที่ถูกเก็บเป็นความลับ จะถ่ายทอดให้เฉพาะคนในตระกูลที่เป็นชายเท่านั้น และก่อนการถ่ายทอดจะต้องเข้าพิธีสาบานตนว่าจะไม่แพร่งพรายความรู้นี้อย่างเด็ดขาด
เปี่ยนเหลี่ยน เป็นการแสดงส่วนหนึ่งของอุปรากรเสฉวน (งิ้วเสฉวน) ซึ่งตะเวนเปิดแสดงไปตามมณฑลต่างๆ ของประเทศจีน สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ชมถึงความรวดเร็วในการเปลี่ยนหน้ากากของผู้แสดง ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่หน้าเดียวแต่มากกว่า 10 หน้าในการแสดงแต่ละครั้ง ว่ากันว่านักแสดงที่เก่งๆ สามารถเปลี่ยนหน้ากากได้รวดเร็วถึง 3 หน้าภายในเวลาครึ่งวินาที
หน้ากากที่ใช้ในการแสดง เปี่ยนเหลี่ยน นั้นเรียกว่า “เหลียนผู่” ว่ากันว่าหน้ากากนี้ออกแบบตัดเย็บมาเป็นของเฉพาะตัว ใช้แทนกันไม่ได้ เพราะมีขนาดและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำจากผ้าเนื้อบางเหนียว วาดด้วยสีที่สดและฉูดฉาดเพื่อให้เห็นเด่นชัดเมื่ออยู่บนเวที
เทคนิคที่ใช้ในการเปลี่ยน เหลียนผู่ เรียกว่า ฉือเลี่ยน เป็นเทคนิคที่ประยุกต์รวมกันของ การลูบ กระฉาก สะบัด และดึง ในทิศทางที่มีทั้งขึ้นบน ลงล่าง
แต่เดิมนั้นอุปรากรจีน หรือ งิ้วจีนที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของชาวจีน คืองิ้วจากเมืองปักกิ่ง โดยเฉพาะของคณะ เหมยหลันฟาง ที่ผู้แสดงเป็นชายแต่รับบทเป็นหญิง คณะเหมยหลันฟางนี้ได้นำอุปรากรจีนไปเปิดการแสดงยังต่างประเทศ ทั้งอเมริกา และ ยุโรป ตั้งแต่ปี ค.ศ.1830 ทำให้ชาวตะวันตกได้รู้จักกับงิ้วจีนในนามของ “Chinese Opera”
ในครั้งกระโน้น เปี่ยนเหลี่ยน ไม่ได้เดินทางไปเปิดการแสดงร่วมกับคณะงิ้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการให้ศิลปะที่เป็นความลับนี้หลุดสู่สายตาของชาวต่างชาติ ถือกันว่า เปี่ยนเหลียน เป็นสมบัติอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งของชาวจีน แต่นั่นคือตำนานอดีต
ปัจจุบัน เปี่ยนเหลี่ยน เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไป ความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป ผู้สืบทอดไม่จำเป็นต้องคนในวงศ์ตระกูล ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเชื้อชาติ
เชื่อกันว่าความลับของ เปี่ยนเหลี่ยน ถูกเปิดเผยในราวปี ค.ศ.1986 เมื่อครั้งที่ งิ้วเสฉวน ตระเวนแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และ เกาหลีใต้ ว่ากันว่าประเทศเหล่านั้นใช้เงินซื้อความลับจากนักแสดงที่ผิดคำสาบานของวงศ์ตระกูลในราคามหาศาล
ในโลกของทุนนิยมปัจจุบัน แม้แต่ชาวจีนเองก็ไม่ถือว่า เปี่ยนเหลี่ยน เป็นสมบัติของชาติที่ควรหวงแหนอีกต่อไป แต่ถือว่า เปี่ยนเหลี่ยน เป็นเสมือนสินค้าธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 2009 ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานมหกรรมมายากลโลก FISM ที่เมืองปักกิ่ง สิ่งที่เห็นเกลื่อนตาคือร้านจำหน่ายอุปกรณ์มายากลของชาวจีน ที่นำเสื้อผ้า หน้ากาก หมวก รองเท้า ของ เปี่ยนเหลี่ยน มาจำหน่ายอย่างเปิดเผย มีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจมากมาย ซื้อแล้ววัดตัวกันเดี๋ยวนั้น วันรุ่งขึ้นมารับของได้ เวลาสอนก็สอนกันที่หน้าร้าน ไม่มีปิดบังซ่อนเร้น ผู้ซื้อก็ไม่ต้องเข้าพิธีสาบานตนแต่อย่างใด
แม้แต่ Jeff Mc Bride ก็ยังซื้อ เหลี่ยนผู่ ที่ผู้ขายจัดไว้เป็นชุดๆ ละ 20 หน้า ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ
เปี่ยนเหลี่ยน ชุดแรกเข้ามาเมืองไทยในปี ค.ศ. 2003 โดย นายไพรัช ธรสารสมบัติ ประธานชมรมวิทยากล สยามเมจิก ได้มาจากการเดินทางไปประเทศจีนแล้วมีนักมายากลชาวจีนมาเร่ขายให้ถึงห้องพักในโรงแรม มีอุปกรณ์ครบชุดพร้อมแผ่นซีดีสอน ในครั้งนั้นท่านประธานชมรม ฯ หวงแหนมาก เก็บทุกอย่างใส่กล่องขนาดใหญ่ ห่อหุ้มอย่างดี พันด้วยเทปกาว ไม่ยอมให้ผู้ใดได้มีโอกาสเห็น แม้แต่ภรรยาตัวเอง สันนิฐานว่าเป็นการปกปิดราคาซื้อมากกว่าปกปิดความลับทางการแสดง
จากนั้นเพียงไม่นาน เปี่ยนเหลี่ยน ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองไทย โดยการนำเข้ามาจำหน่ายของนักมายากลชาวจีน และจากพ่อค้าชาวไทยที่นำมาจากเมืองจีน และไต้หวัน ว่ากันว่างิ้วทุกคณะในเมืองไทยขณะนี้ต้องมีการแสดงชุดเปลี่ยนหน้ากาก ไม่เช่นนั้นถือว่าเป็นการตกยุค ผู้ที่ซื้ออุปกรณ์มาแสดงก็จะเน้นแต่เทคนิคการเปลี่ยนหน้าเท่านั้น ไม่คำนึงถึงศิลปะการเยื้องย่างร่ายรำ หรือ เนื้อหาในการแสดง ขอให้เปลี่ยนหน้าได้ก็พอแล้ว ยิ่งมากยิ่งดี
การแสดง เปี่ยนเหลี่ยน นั้นเป็นการแสดงที่ต้องสอดคล้องทั้ง ศิลปะการร่ายรำ เนื้อหาการแสดง อิริยาบถการเยื้องย่าง ที่ต้องตรงตามบุคคลิกของแต่ละใบหน้า ทุกๆ ใบหน้าของ เหลียนผู่ จะมีชื่อเรียกเฉพาะ แต่ละหน้าจะจำลองมาจากตัวละครในวรรณคดีของจีน ทุกหน้ามีที่มาที่ไป มีเนื้อเรื่อง มีนิสัย มีอารมณ์
การแสดงของบางคณะในเมืองไทยดูอย่างไรก็เห็นว่ายังห่างไกลจากคำว่า ศิลปะแห่งเปี่ยนเหลี่ยน
นึกไม่ออกว่าบรรพบุรุษชาวเสฉวนในปรโลกจะเปลี่ยนสีหน้ากี่สีหน้า เมื่อเห็นศิลปะ เปี่ยนเหลี่ยน อันล้ำค่ากลายสภาพเป็นเศษผ้าราคาถูก
.................ชาลี ประจงกิจกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น